”อียิปต์” โชว์ฟอร์มเยี่ยมในการลงเตะตัดเชือกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อกลางดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ด้วยการบดเอาชนะคู่ปรับสำคัญ”โมร็อคโค”ไปได้อย่างหวุดหวิดด้วยสกอร์ 2-1 ชนิดต้องซัดกันถึงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที เกือบต้องยิงจุดโทษตัดสิน แต่ก็เป็น”โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์”ที่โชว์ฟอร์มเทพยิงในเวลาปกติ 1 ก่อนจะมาถวายพานให้เพื่อนซัดประตูตัดสินเกมในช่วงต่อเวลาได้อีก

ทำให้ทีมจากแดนมัมมี่เดินหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับทีมหมอผี”แคเมอรูน”เป็นด่านต่อไป ส่วนผู้ปราชัย”โมร็อคโค”ตกรอบสนิท

      โดยในนัดนี้ ทางฝั่ง”โมร็อคโค”มีดาวดังชื่อคุ้นหูหลายคน เช่น”อาชราฟ ฮาคิมี่”แบ็คขวาฟอร์มฮอทที่ซัดฟรีคิกให้กับทีมมาสองนัดติด ,“โซฟียาน อัมราบัต”,”มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้” ฯลฯ 

โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ นำทีม ”อียิปต์” ชนะ 2-1

ส่วน”อียิปต์”มี”โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์”จาก”ลิเวอร์พูล”นำทัพในแดนหน้า ตรงแดนกลางใช้งาน”โมฮัมเหม็ด เอลเนนี่”แมนออฟเดอะแมทช์จากนัดที่ผ่านมาลงลุย

    เริ่มเกมในครึ่งแรก เป็นทางด้าน”โมร็อคโค”ที่สามารถทำประตู 1-0 ขึ้นนำไปได้ก่อนอย่างรวดเร็ว ในนาทีที่ 7 จาการสังหารจุดโทษของ”โซฟียาน บูฟาล” หลังจากโดนไปก่อน ทีมมัมมี่เปิดเกมบุกหนักเข้าใส่ แต่ไม่สามารถเจาะแผงรับของคู่ต่อสู้ได้ จนกระทั่งจบครึ่งแรก เป็น”โมร็อคโค”ที่ออกนำ”อียิป”อยู่ 1-0

    ครึ่งหลังทีมจากแดนมัมมี่แก้เกมลงมาและทำได้ดี แค่เพียง 8 นาที เป็น”โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์”ที่ได้จังหวะซัดลูกส้มหล่นหน้าปากประตูเข้าไปได้ ให้ทีมไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากนั้นเกมเปิดและดุเดือดขึ้น กรรมการต้องควักใบเหลืองออกมาเบรกเกม โดยอียิปต์จัดไปสองและโมร็อคโคโดนไปหนึ่ง รวมกับครึ่งแรกเป็นได้ไปฝั่งละสองใบ ก่อนที่เกมจะจบลงใน 90 นาทีด้วยการเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

      และในช่วงต่อเวลาพิเศษนี้เอง ถึงนาทีที่ 100 พอดิบพอดีเป็น”โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์”ที่ได้จังหวะกระชากบอลขึ้นไปทางกราบขวาก่อนจ่ายถวายพานให้”เทรเซเก้ต์”ตัวสำรองวิ่งเข้าชาร์จจ่อๆส่งบอลเข้าประตูไป ส่งให้อียิปต์พลิกออกนำเป็น 2-1 จากนั้นไม่มีฝ่ายไหนทำประตูเพิ่มได้อีก จบเกม 120 นาที “อียิปต์”โชว์ฟอร์มสุดยอดพลิกกลับมาไล่ยิงแซงเอาชนะ”โมร็อคโค”ไปได้อย่างสุดมันส์ที่สกอร์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับทีมตราหมอผี”แคเอมรูน”เป็นด่านต่อไป โดยผู้ชนะจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับ”เซเนกัล”ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ส่วน”โมร็อคโค”ต้องตกรอบไปอย่างสุดเจ็บช้ำ

ข่าวสาร อื่นๆ